เทียบสถิติ และวัดค่าพลัง ระหว่าง “ทีมชาติอังกฤษ” และ “ทีมชาติโครเอเชีย” ในศึก “ยูโร 2020” รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มดี นัดที่ 1
วันที่ 13 มิ.ย. 64 ความเคลื่อนไหวก่อนเกมที่ทาง “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ภายใต้การนำทีม แกเรธ เซาธ์เกต มีโปรแกรม ลงสนามพบกับ “แข้งตราหมากรุก” ทีมชาติโครเอเชีย ของทาง ซลัตโก ดาลิช ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือฟุตบอล “ยูโร 2020” รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มดี นัดที่ 1
ทีมชาติอังกฤษ
ต้องบอกว่านี่คือทีมขวัญใจมหาชนและเป็นทีมที่มีแฟนบอลชาวไทยเชียร์มากที่สุดในทุกๆ ทัวร์นาเมนต์ ที่มีเหล่าสตาร์ดังผู้เล่นคุ้นหูคุ้นตามากมายให้ แกเรธ เซาธ์เกต เลือก หยิบนำมาปรุงแต่งให้ทีมครบรสมากที่สุด นำทัพโดย แฮร์รี เคน, มาร์คัส แรชฟอร์ด, จาดอน ซานโช, แจ็ค กรีลิช ,แฮร์รี แม็คไกวร์ เบน ชิลเวลล์ ตลอดจน จู๊ด เบลลิงแฮม และ ฟิล โฟเดน แต่นั่นทำให้ผู้เล่นบางคนที่แฟนบอลมองว่าควรที่จะมีชื่อติดทีมในครั้งนี้อย่าง อารอน วาน-บิสซากา หรือ เจสซี ลินการ์ด ได้แค่เชียร์เพื่อนๆ อยู่ที่หน้าจอเท่านั้น
ทีมชาติโครเอเชีย
ทีมของ ซลัตโก ดาลิช มีผลงานที่ยอดเยี่ยมในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ผ่านมา หลังได้ตำแหน่งรองแชมป์จากการพ่าย “ขุนพลตราไก่” ทีมชาติฝรั่งเศสไปด้วยสกอร์ 2-4 โดยที่บรรดาผู้เล่นแกนหลักอย่าง ลูกา โมดริช, อีวาน เปริซิซ, เดยัน ลอฟเรน ยังอยู่ครบ นอกจากนี้ยังมี มาเตโอ โควาซิช ตลอดจน มาร์เซโล โบรโซวิช รวมถึง มิสลาฟ ออร์ชิช ที่กดแฮตทริกได้ในศึก ยูโรปาลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง ที่พบกับ “ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์
พลังเกมรุก
หากวัดจากผลงาน 5 นัดหลังสุดในทุกรายการ “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ กระหน่ำไปทั้งหมด 11 ประตูหรือหากนับย้อนหลังไปอีกนัดก็ปาเข้าไป 15 ประตูเลยทีเดียว นั่นแสดงให้เห็นว่าอานุภาพในเกมรุกของทีมมีความอันตรายมากแค่ไหน ขณะที่ “แข้งตราหมากรุก” ทีมชาติโครเอเชีย แม้จะยิงได้ 6 ประตู แต่ต้องบอกว่าพวกเขาเจอกับคู่แข่งระดับชั้นนำอย่าง เบลเยียม
(พลังเกมรุก : อังกฤษ 7.5 / โครเอเชีย 5)
พลังเกมรับ
ตลอดช่วง 5 เกมหลังสุดที่ผ่านมา “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ สถิติเกมรับของพวกเขายอดเยี่ยมจริงๆ เมื่อเสียไปเพียงแค่ 1 ประตูเท่านั้นในเกมที่เอาชนะ โปแลนด์ 2-1 ที่เหลือ 4 นัดนอกเหนือจากนั้นเก็บคลีนชีตได้ทั้งหมด ส่วน “แข้งตราหมากรุก” ทีมชาติโครเอเชีย ผลงานก็ยอดเยี่ยมแทบจะไม่ต่างกันเมื่อพวกเขาโดนคู่แข่งทะลวงไปแค่ 2 ประตูเท่านั้น และ 3 นัดที่เหลือฟาดคลีนชีตเรียบวุธ
( พลังเกมรับ : อังกฤษ 8 / โครเอเชีย 7)
ความแข็งแกร่ง
ทีมชาติอังกฤษ ชุดนี้ผสมผสานไปด้วยนักเตะที่มีประสบการณ์อย่าง แฮร์รี เคน หรือจะแข้งฟอร์มร้อนอย่าง จาดอน ซานโช, ฟิล โฟเดน และแข้งนรกแตกอย่าง จู๊ด เบลลิงแฮม แต่ทางฟาก ทีมชาติโครเอเชีย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเน้นพวกประสบการณ์สูงอย่าง ลูกา โมดริช, อีวาน เปริซิซ, เดยัน ลอฟเรน เป็นต้น โดยที่พวกเขาพิสูจน์ให้เป็นแล้วจากศึกฟุตบอลโลก ครั้งที่ผ่านมา
(ความแข็งแกร่ง : อังกฤษ 80 / โครเอเชีย 70)
ฟอร์มการเล่น
ขุนพลทรีไลออน มีผลงาน 5 เกมหลังสุดสวยสดงดงามเมื่อกวาดชัยชนะได้ทั้งหมด โดยในเกมที่เอาชนะ ซามาริโน พวกเขากระหน่ำไปแบบไร้ความปรานีถึง 5-0 ส่วนแข้งตราหมากรุก ผลงานก็ดีกว่าน่าพอใจกับการชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 2 นัด แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้วดูเป็นรองนิดหน่อย
(ฟอร์มการเล่น : อังกฤษ 90 / โครเอเชีย 65)
แท็กติก
ถ้ามองจากภาพรวม แกเรธ เซาธ์เกต ที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงแต่มักจะมีปัญหาหรือถูกสื่อตั้งข้อสังเกตถึงแท็กติกในบางนัด ขณะที่การถึงคว้าอันดับ 4 ในศึกฟุตบอลโลก 2018 ถูกตั้งแง่ว่าพวกเขาโชคดีในการจับสลากประกบคู่แต่ละรอบมากกว่า ขณะที่ ซลัตโก ดาลิช ดูจะเหลื่อมๆ อยู่หน่อยจากกั้นที่ฝ่าด่าน ทีมชาติอังกฤษ ในรอบรองชนะเลิศ ในรายการเดียวกัน
(แท็กติก : อังกฤษ 70 / โครเอเชีย 75)
ขวัญกำลังใจ
ทีมของ แกเรธ เซาธ์เกต เหมือนจะกุมความได้เปรียบเพราะในรอบนี้พวกเขาได้ลงเล่นในบ้านทั้ง 3 นัด จากการรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพของกลุ่มนี้ร่วมกับ สกอตแลนด์ โดยที่สื่อส่วนใหญ่แล้วน่าจะเทไปทางพวกเขามากกว่า ส่วนทีมของ ซลัตโก ดาลิช เล่นเหมือนเป็นทีมเยือนสภาพแวดล้อมอาจจะไม่คุ้นชินเท่ากับคู่แข่งแต่มันก็ไม่ใช่ปัจจัยที่จะมีผลกับการแข่งขันมากนัก
(ขวัญกำลังใจ : อังกฤษ 75 / โครเอเชีย 70)
เฮด-ทู-เฮด
(เคยพบกัน 9 ครั้ง)
ทีมชาติอังกฤษ ชนะ 5 ครั้ง
ทีมชาติโครเอเชีย ชนะ 3 ครั้ง
เสมอกันไป 1 ครั้ง
ผลงาน 3 นัดหลังสุด
ทีมชาติอังกฤษ
– ชนะ ทีมชาติโปแลนด์ 2-1
– ชนะ ทีมชาติออสเตรีย 1-0
– ชนะ ทีมชาติโรมาเนีย 1-0
ทีมชาติโครเอเชีย
– ชนะ ทีมชาติมอลตา 3-0
– เสมอ ทีมชาติอาร์เมเนีย 1-1
– แพ้ ทีมชาติเบลเยียม 1-0
หากท่านมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Andaman888
หรือ Line : @Andaman888
ทาง Andaman888 ยินดีให้บริการกับท่านตลอด 24 ชั่วโมง