“ร็อดเจอร์ส” กุนซือเลสเตอร์ ซิตี้ สุดปลื้มหลังสยบ เซาแธมป์ตัน เข้ารอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ครั้งแรกในรอบ 52 ปีของสโมสร ต่อหน้าแฟนบอล 4,000 คนตามแผนนำร่อง
วันที่ 19 เม.ย. 64 ควันหลงฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ คู่ที่ 2 ซึ่ง เลสเตอร์ ซิตี้ เฉือนชนะ เซาแธมป์ตัน ทีมร่วมศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 1-0 จากการทำประตูชัยของ เคเลชี อิเฮียนาโช ในนาทีที่ 55 ทำให้ “จิ้งจอกสยาม” เข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบ เชลซี ในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ที่สนามเวมบลีย์
นอกจากนี้ เลสเตอร์ ยังผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 52 ปีอีกด้วย โดยหนล่าสุดแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-1 เมื่อฤดูกาล 1968-1969 ซึ่งหลังจบเกม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ “จิ้งจอกสยาม” ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมรู้ตัวมาตลอดนับตั้งแต่เข้ามารับงานที่ เลสเตอร์ ว่าถ้วยนี้สำคัญกับแฟนบอลของเราอย่างไร”
“เรามีโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์แล้ว เมื่อเราได้มาเหยียบที่ เวมบลีย์ ก็สัมผัสได้ถึงความทะเยอทะยาน และตอนนี้เราก็ขยับเข้าใกล้กับการคว้าถ้วยรางวัลแล้ว ผมคิดว่าเราสมควรชนะในเกมวันนี้ เพราะผู้เล่นทุกคนทุ่มเทกันมาก และเราก็ได้ประตูจากการเล่นอันยอดเยี่ยมของ เจมี วาร์ดี เมื่อคุณนำ 1-0 คุณต้องควบคุมตัวเองและทำจิตใจให้นิ่งเข้าไว้ ซึ่งเราก็ทำได้”
ร็อดเจอร์ส ยังพูดถึงการอนุญาตให้แฟนบอล 4,000 คน เข้าชมเกมในสนามเวมบลีย์ ซึ่งถือเป็นการแข่งขันฟุตบอลอาชีพเกมแรกตามแผนนำร่องของรัฐบาลอังกฤษที่จะใช้ในการประเมินสถานการณ์ ก่อนผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อเปิดให้กีฬาอาชีพกลับมามีผู้ชมได้ตามปกติอีกครั้งตามลำดับขั้น
ผู้จัดการทีมเลสเตอร์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “แม้หลายคนจะคิดว่ามีแฟนบอลแค่ 4,000 คน แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก มันช่างมหัศจรรย์เมื่อเรามีแฟนบอลกลับเข้ามาในสนามได้อีกครั้ง ผมได้ยินเสียงของคนที่เชียร์ เลสเตอร์ จากบางกลุ่ม และมันก็รู้สึกดีมากจริงๆ”
หากท่านมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Andaman888
หรือ Line : @Andaman888
ทาง Andaman888 ยินดีให้บริการกับท่านตลอด 24 ชั่วโมง