หลังจบเกมที่ทัพ “ช้างศึก” เสมอกับเจ้าภาพ ยูเออี 1-1 ทำให้ทีมชาติไทยมี 4 คะแนน เท่ากับบาห์เรนที่เชือดอินเดียในช่วงทดเจ็บ ทว่าเฮดทูเฮดของไทยนั้นเหนือกว่าทำให้จบด้วยตำแหน่งรองแชมป์กลุ่มควง ยูเออี ที่เป็นแชมป์กลุ่มเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายทันที
ศึกเอเชียน คัพ รอบสุดท้าย ที่ประเทศยูเออี กลุ่ม เอ แข่งขันครบ 3 นัดเรียบร้อยแล้ว ทีมชาติไทย แม้จะออกสตาร์ทได้ย่ำแย่แพ้ อินเดีย เละเทะ 1-4 ส่งผลให้ มิโลวาน ราเยวัช โดนปลดกลางรายการแล้วส่ง “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย รักษาการณ์หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กับ “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์ ผู้ช่วยทำหน้าที่แทน
ก่อนที่ผลงานอีกสองเกมต่อมา แข้งช้างศึกจะเค้นฟอร์มเก่งบดเอาชนะ บาห์เรน 1-0 จากประตูชัยของ “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ และนัดสุดท้ายล่าสุดจะยันเสมอกับเจ้าภาพ ยูเออี 1-1 ซึ่งแม้ไทยจะโดนยิงนำไปก่อน แต่ “เจ้านิว” ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ว่าที่แข้งเจลีกก็มาซัดประตูตีเสมอให้ไทยแบ่งแต้มสำเร็จ ส่งผลให้มี 4 คะแนนเท่ากับ บาห์เรน แต่เฮดทูเฮดไทยเหนือกว่าทำให้ซิวรองแชมป์กลุ่ม ควงยูเออีที่มี 5 คะแนน เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป
และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 47 ปี ที่ทัพช้างศึกผ่านเข้ามาเล่นในรอบน็อคเอาท์ โดยครั้งนั้นเมื่อปี 1972 ไทยรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ ก่อนจะทำผลงานได้ดีที่สุดด้วยการคว้าอันดับ 3 มาครอง
ส่วนในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนั้น “ช้างศึก” ซึ่งจบเป็นรองแชมป์กลุ่ม เอ ต้องโคจรไขว้ไปเจอกับรองแชมป์ของ กลุ่ม ซี ระหว่าง จีน หรือเกาหลีใต้ ซึ่งทั้งคู่ควงกันเข้ารอบน็อคเอาท์แน่นอนแล้ว หลังมี 6 คะแนนเท่ากัน แต่จีนมีลูกได้เสียดีกว่าทัพโสมขาวทำให้ตอนนี้นำเป็นจ่าฝูง โดยทั้งสองทีมจะต้องบู๊กันในแมตช์สุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ในวันที่ 16 มกราคม นี้ เพื่อหาแชมป์ของกลุ่ม
สำหรับโปรแกรมในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนั้น ทีมชาติไทย จะลงเล่นในวันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม นี้ ที่สนาม ฮัซซา บิน ซายิด สเตเดี้ยม ที่เมืองอัล ไอน์ เริ่มแข่งขัน เวลา 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ช่อง 7 สีถ่ายทอดสด
— ที่มา : SIAMSPORT